เกาลัคเป็นพืชที่มีลำต้นขนาดใหญ่ และเมล็ดมีปริมาณเนื้อในมาก ทั้งยังมีรสชาติดี สามารถนำมารับประทานได้ จนเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในต่างชาติ เช่น จีน ญี่ปุ่น สำหรับในประเทศไทยแล้ว เกาลัคยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าใดนัก และยังมีขายเฉพาะบางพื้นที่ มีมากในบริเวณตลอดถนนเยาวราช เพราะเกาลัคเป็นผลไม้อันเป็นที่นิยมของประชาชนคนไทยเชื้อสายจีน
• เกาลัดมีฤทธิ์อุ่น รสหวาน มีสรรพคุณบำรุงร่างกาย บำรุงไต กล้ามเนื้อ ม้าม และกระเพาะอาหาร บำรุงลม แก้ร่างกายอ่อนแอ
วิธีการทำเกาลัค
• ต้มเกาลัด 500 กรัมกับน้ำตาลทราย 180 กรัม จนเปื่อยนิ่ม แล้วนำมายีและกดด้วยแม่พิมพ์ กินเป็นขนมหรือของว่างสำหรับเด็กที่มีกระดูกและกล้ามเนื้ออ่อนแอ และยังเหมาะกับผู้ป่วยหรือผู้ที่ร่างกายไม่แข็งแรงอีกด้วย • กินเกาลัดแห้ง 7 เมล็ดต่อวัน กับโจ๊กไตหมู ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังและปวดเท้าได้ หรือกินเกาลัดดิบ แก้คออักเสบ
• เกาลัดคั่วในเม็ดทราย เกาลัดคั่วที่เห็นกันมาก ๆ มักจะมีเม็ดสีดำเล็ก ๆ คั่วรวมอยู่ด้วย บางคนอาจจะคิดว่าเป็นเมล็ดกาแฟจริง ๆ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เม็ดสีดำเล็ก ๆ นั้น คือ เม็ดทรายขนาดประมาณ 3-5 มิลลิเมตร เป็นทรายที่ใช้ในการก่อสร้าง หรือที่เห็นตามตู้ปลาสีออกน้ำตาล พ่อค้าหรือแม่ค้าจะนำเอาทรายแห้งใส่ลงไปในกระบะใบใหญ่ พอทรายร้อนระอุได้ที่จนเป็นสีดำ ก็จะนำเอาลูกเกาลัดใส่ลงไป บางร้านเติมน้ำตาลทรายคั่วรวมกันให้ได้รสหวาน บางร้านเพิ่มกลิ่นหอมด้วยการใส่เมล็ดกาแฟคั่วลงไป เหตุผลที่ต้องใช้เม็ดทรายเพราะเม็ดทรายช่วยเก็บความร้อนไว้ได้นาน ซึ่งดีสำหรับการทำให้เกาลัดสุกถึงเนื้อผลด้านใน และหากสังเกตกันดี ๆ เนื้อผลของเกาลัดนั้นจะไม่ติดกับเปลือก ดังนั้นการใช้ทรายที่ร้อนระอุตลอดเวลาจะช่วยให้เนื้อเกาลัด ค่อย ๆ สุก แต่ต้องหมั่นคนเพื่อไม่ให้เกาลัดไหม้ ซึ่งจะคั่วกันนาน 30-40 นาที เม็ดทรายนั้นใช้ได้นานกว่า 1 เดือน เรียกว่าคั่วเกาลัดได้หลายกระทะ จนทรายที่เป็นเม็ดเริ่มป่นเป็นผง แล้วจึงจะเปลี่ยนไปใช้เม็ดทรายชุดใหม่ต่อไปนี้ก็เข้าใจใหม่ว่า เกาลัดนั้นคั่วในทราย ไม่ใช่เมล็ดกาแฟอย่างที่เข้าใจกัน
- ผู้ที่เป็นโรคไขข้ออักเสบ ร้อนใน ตาบวม ไม่ควรรับประทานเกาลัค |

|
สารพัดประโยชน์ของเกาลัคแสดงความคิดเห็น |
![]() ![]() |
ความคิดเห็น